http://www.youtube.com/watch?v=loveonadiet
เรื่องย่อ : Love On a Diet คู่ตุ้ยนุ้ยพิศดารมหัศจรรย์
ขอเชิญพบกับ มินิ สาวจีนที่อาศัยอยู่ในฮ่องกง อาจเป็นเพราะปัญหาเรื่องน้ำหนักนี่เอง ที่ทำให้มินิมีชีวิตอย่างโดดเดี่ยวและไม่มีความสุข สิ่งเดียวที่ทำให้มินิมีความหวังในชีวิต คือนักนักเปียโนหนุ่มชื่อดังนามว่าทาเคโน่ ผู้เป็นเสมือนแรงบันดาลใจเดียวของเธอ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเธอจึงติดตามนักร้องหนุ่มไปทุกที่ที่มีคอนเสิร์ต
ถัดจากห้องของมินิลงไปชั้นหนึ่ง เป็นห้องพักของบิ๊กกี้ ชายหนุ่มร่างใหญ่เหมือนกับมินิ ที่เป็นชาวจีนเช่นเดียวกับมินิ สิ่งเดียวที่บิ๊กกี้ไม่เหมือนกับมินิ คือ บุคลิกที่สดใสร่างเริงของเขา ในช่วงกลางวันเขาทำงานเป็นเซลส์แมนขายมีดทำครัว ตกกลางคืนเขาก็จะออกไปหาความสุขตามประสาคนสมบูรณ์กับเพื่อนที่มีขนาดเดียว กัน
แม้จะอยู่ในอพาร์ทเมนท์เดียวกัน แต่มินิกับบิ๊กกี้ก็ไม่เคยได้มีโอกาสคุยกันเลย จนกระทั่งวันหนึ่งบิ๊กกี้ได้ช่วยเหลือมินิจากการฆ่าตัวตาย เหตุผลที่ทำให้มินิตัดสินใจทำเช่นนั้น เพราะทาเคโนะนักร้องหนุ่มในดวงใจของเธอเลิกทัวร์คอนเสิร์ตแล้ว ด้วยความสงสารบิ๊กกี้ตัดสินใจให้เธอพักอยู่กับเขาที่ห้อง
หลังจากนั้นไม่นานบิ๊กกี้ก็ได้ทราบถึงเหตุผลของความผิดหวังมินิ เรื่องของเรื่องก็คือ มินิกับทาเคโน่เคยเป็นคู่รักกันมาก่อน จนกระทั่งทาเคโนเดินทางไปเรียนที่ต่างประเทศ ทุกอย่างก็จบลง ด้วยความผิดหวังมินิจึงหาทางออกให้แก่ชีวิตที่แสนเศร้าด้วยการกิน จนในไม่ช้าสภาพของเธอก็กลายเป็นอย่างที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน
หลังจากนั้นมินิก็ไม่เคยฝันถึงการกลับมาสานความสัมพันธ์กับทาเคโน่เลย จนกระทั่งวันหนึ่งทาเคโน่ได้สารภาพออกอากาศทางวิทยุว่าในใจของเขามีมินิเป็น เจ้าของตลอดมา และเขาหวังตลอดเวลาว่าจะได้มีโอกาสกลับมาสานต่อความรักกับเธออีกครั้ง
ส่วนมินิเองก็ต้องการที่จะพบกับทาเคโน่เช่นกัน แต่จะให้เธอพบกับเขาอย่างไรในสภาพเช่นนี้ มินิจึงขอความช่วยเหลือจากบิ๊กกี้ แม้ว่าจะสงสัยในทีแรก แต่เขาก็ไม่ลังเลที่จะช่วยเหลือเธอ รวมถึงเป็นกำลังใจให้แก่เธอด้วย
เวลาผ่านไป ท่ามกลางน้ำหนักที่ลดลง ความรักของคนทั้งคู่เริ่มต้นขึ้นอย่างรวดเร็ว ในที่สุดมินิก็สามารถลดน้ำหนักลงได้อย่างมหัศจรรย์ ได้หวนกลับมารักกับทาคาโน่อีกครั้ง อย่างไรก็ตามลึกๆ ภายในดวงใจน้อยๆ ของเธอแล้ว เธอไม่สามารถลบภาพบิ๊กกี้ออกจากใจได้ มินิพบว่าชายอ้วนผู้นี้ ผู้อยู่เคียงข้างเธอตลอดเวลา คือความรักที่แท้จริงของเธอ
ตัวอย่างหนัง, Trailer
0 comments:
Post a Comment